ผ้าม่าน...เรื่องของผ้า
![]() |
ผ้าม่าน |
หลังจากเลือกแบบผ้าม่านกันไปแล้ว
อย่าเพิ่งเบาใจว่าเสร็จสิ้นขั้นตอนเกี่ยวกับผ้าม่านนะจ๊ะ
เพราะหลังจากเราได้แบบผ้าม่านแล้ว อย่าลืมว่าเรายังไม่ได้เลือกผ้ากันเลย
ซึ่งในโลกนี้ก็มีเนื้อผ้ามากมายหลากหลายชนิด ที่เหมาะจะนำมาทำผ้าม่าน โดยแต่ละชนิดก็มีคุณสมบัติแตกต่างกันไป
แน่นอนราคาต้องมาตามคุณสมบัติ - -"
ผ้าที่เหมาะสมจะนำมาทำผ้าม่านนั้นไม่มีกำหนดตายตัว
ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้ แต่หลักๆ ผ้าที่เราจะเลือกมาทำผ้าม่านนั้นจะต้องมีเนื้อแน่น
น้ำหนักไม่มากเกินไป ไม่ยับง่าย และมีความทิ้งตัวพอสมควร ส่วนความหนา-บาง นั้น
สุดแล้วแต่ว่าเราต้องการจะนำผ้าม่านไปประดับตกแต่งมุมไหน จุดไหน
และเพื่ออะไร
![]() |
ผ้าม่าน |
ชนิดผ้าที่เราจะพบเมื่อไปเลือกซื้อผ้าม่าน
มีดังนี้
1. ผ้าชนิดโปร่ง (Sheer) ผ้าชนิดนี้จะมีความโปร่ง
บางเบา ตามชื่อของมัน เป็นผ้าที่ไม่ได้ติดเพื่อกันแสง
เพราะแสงสามารถส่องผ่านผ้าได้เกือบ 100% จุดประสงค์ของการใช้ผ้าโปร่งแสงในการทำผ้าม่านก็เพื่อความสวยงาม
และช่วยเพื่อบรรยากาศให้ห้องนั้นๆ ช่วยเพื่อความนุ่มนวลสบายตา
2. ผ้าทึบแสง (Blackout) ผ้าชนิดนี้เป็นผ้าที่แสงไม่สามารถลอดผ่านได้
เหมาะสำหรับทำผ้าม่านที่ติดไว้ในห้องนอน ห้องโฮมเธียร์เตอร์
หรือห้องที่ไม่ต้องการแสงสว่างตลอดเวลา นอกจากนี้ผ้าชนิดนี้ยังกันความร้อนได้ดี
3. ผ้าที่แสงผ่านได้ (Dim Out) ผ้าชนิดนี้เป็นผ้าแบบมาตรฐานที่ใช้ในการทำผ้าม่านทั่วไป ส่วนการส่องผ่านของแสงนั้น
ขึ้นอยู่กับผู้ใช้งาน ว่าต้องการกันแสงสว่างมากน้อยแค่ไหน
4. ผ้าซับหลัง (Backing) คือผ้าที่ใช้สำหรับเย็บเสริมผ้าม่าน
เพื่อให้ผ้าม่านมีความคงทน และช่วยเพิ่มน้ำหนักให้ผ้าทิ้งตัวมากขึ้น
![]() |
ผ้าม่าน |
หลักจากที่เรารู้จักชนิดของผ้าไปบ้างแล้ว
ต่อไปเรามาเรียนรู้เนื้อผ้าที่ใช้ทำผ้าม่านกันบ้างดีกว่า
จากการใช้ชีวิตประจำวันเราจะพบเจอผ้าม่านได้ทุกๆ สถานที่ แต่ว่าผ้าม่านแต่ละผืนนั้น
ถ้าเราสังเกตุดีๆ จะเห็นว่า มีลักษณะเนื้อผ้าที่แตกต่างกันออกไป
โดยเราสามารถแยกเนื้อผ้า และรู้จักคุณสมบัติของผ้า ดังนี้
1. ผ้าไหม (Silk) เป็นผ้าเนื้อบางเบา ผ้าม่านที่ทำจากผ้าไหมจะช่วยเพิ่มความหรูหราให้กับสถานที่
สามารถนำมาเย็นจับจีบได้สวยงาม และคงทน แต่ก็มีข้อเสียคือ
ผ้าไหมเป็นผ้าที่มีความทิ้งตัวน้อย อีกทั้งยังยับได้ง่าย ทำให้ต้องระมัดระวัง
และต้องดูแลมากเป็นพิเศษ
2. ผ้ากำมะหยี่ (Velvet) เป็นผ้าที่มีเนื้อผ้าค่อนข้างหนา
แต่ผิวสัมผัสนุ่มมือ ผ้าชนิดนี้มีความทิ้งตัวได้ดี ดังนั้นจึงไม่นิยมนำมาจับจีบ
ส่วนใหญ่แล้วจะนิยมทำผ้าม่านแบบปล่อยลอนไปตามธรรมชาติของผ้า
3. ผ้าฝ้าย (Cotton) ผ้าชนิดนี้มีเนื้อผ้าให้เลือกใช้หลายแบบ
ทั้งแบบบาง และแบบเนื้อหนา เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบความเรียบง่าย สบายตา
แต่ก็มีข้อเสียเช่นกัน เพราะผ้าชนิดนี้สีผ้าไม่เงางาม อาจจะไม่ให้ความรู้สึกพริ้วไหวเท่าไรนัก
อีกทั้งผ้าชนิดนี้อมฝุ่นค่อนข้างมาก ดังนั้นผู้ใช้จะต้องหมั่นซัก ทำความสะอาดผ้าม่านอยู่เสมอ
4. ผ้าซาติน (Satin) เป็นผ้าที่มีเนื้อผ้าค่อนข้างหนา
แต่สัมผัสลื่นมือ เนื้อผ้ามีความเงางาม หากเราใช้ผ้าซาตินมาทำผ้าม่าน ก็จะช่วยเพิ่มความเรียบหรูให้กับสถานที่ได้
อีกทั้งเนื้อผ้าชนิดนี้ยังมีน้ำหนัก และทิ้งตัวได้ดี
5. ผ้าลินิน (Linen) เป็นผ้าที่เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบความเป็นธรรมชาติ
ไม่ปรุงแต่ง เนื้อผ้าค่อนข้างหยาบและหนา ถ้าหากนำมาเย็บจีบก็จะได้ทรงสวย
แต่ก็มีความพองและแข็งกว่าเนื้อผ้าม่านแบบอื่น
6.
ผ้าใยสังเคราะห์ (Polyster) ผ้าชนิดนี้มีเนื้อผ้าหลากหลายกว่าแบบอื่นๆ ขึ้นอยู่กับส่วนผสมของเส้นใยที่นำมาทอรวมกัน
ทำให้เราเราสามารถออกแบบผ้าม่านได้หลากหลาย ตามความต้องการ
และตามจุดประสงค์ที่จะนำผ้าม่านไปตกแต่ง
![]() |
ผ้าม่าน |
จากข้อมูลข้างต้น
เราคงจะพอทราบกันแล้วว่ากว่าเราจะเลือกผ้าม่านมาตกแต่งห้องแต่งละห้องนั้น
เราต้องผ่านกระบวนการคิดอะไรมาบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกแบบผ้าม่าน หรือการเลือกเนื้อผ้าสำหรับตัดผ้าม่าน ผู้เขียนหวังว่า
ข้อมูลเกี่ยวกับเนื้อผ้าที่เหมาะสำหรับนำมาผ้าม่าน จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านไม่มากก็น้อยนะคะ
ข้อมูลจาก: oknation.net, forfur.com
ภาพจาก: oknation.net, spotlight.com.au, houston.cbslocal.com, natnanton.com
0 comments:
Post a Comment